แคลเซียม


แคลเซียมที่ดูดซึมได้ง่ายพร้อมวิตามิน ดี และวิตามิน เค

  • มีปริมาณแคลเซียมสูงในรูปแบบที่ดูดซึมได้ง่ายเสริมด้วยวิตามินดีและวิตามินเคในเม็ดเดียวกัน
  • มีวิตามินดี3 และ วิตามิน เค
  • เพื่อบำรุงสุขภาพกระดูก
  • อยู่ในรูปแบบเม็ดเคี้ยวได้ รสเปปเปอร์มินท์
  • ควรรับประทานร่วมกับไบโอ-แมกนีเซียม (Bio-Magnesium)
  • ผลิตภายใต้มาตรฐานการผลิตยาประเทศเดนมาร์ก
Read moreShow less

Bio-Calcium+D3+K1+K2

Pharma Nord

ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผลิตในประเทศเดนมาร์ก และผ่านการอนุมัติจาก อย. ไทย      
            คุณภาพของเดนมาร์ก    การลงทะเบียน FDA      
1 เม็ด ประกอบด้วย:      
แคลเซียม     500 มิลลิกรัม
วิตามิน ดี3(Cholecalciferol)     5 ไมโครกรัม
วิตามิน เค     35 ไมโครกรัม

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ขนาดรับประทาน

รับประทานวันละ 1 เม็ด หรือตามแพทย์สั่ง

ไม่ควรรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน

สามารถเคี้ยวหรือกลืนทั้งเม็ดได้

การเก็บรักษา
เก็บในที่แห้ง และพ้นแสง ที่ อุณหภูมิห้อง
ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก

การดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ และการรับประทานอาหารหลากหลายครบหมู่ สำคัญต่อการรักษาสุขภาพ

ส่วนประกอบ
Calcium carbonate, sweetner: sorbitol, xylitol, anti-caking agent: polyvinyl-pyrrolidone, hydroxypropyl methylcellulose, magnesium salts of fatty acids, flavor enhancer: peppermint powder, strenghtening agent: silica,
vitamin K and cholecalciferol (vitamin D3).

ผลิตภัณฑ์ ไบโอ-แคลเซียม+ดี3+เค ควรรับประทานควบคู่กับผลิตภัณฑ์ ไบโอ-แมกนีเซียม

ไบโอ-แคลเซียม+ดี3+เค คืออะไร?

ผลิตภัณฑ์ ไบโอ-แคลเซียม+ดี3+เค  ประกอบไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูก ด้วยส่วนประกอบสำคัญของแคลเซียม วิตามินดี3 และวิตามินเค จะช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง แคลเซียมจะแตกตัวในกระเพาะอาหาร และถูกดูดซึมที่ลำไส้โดยมีวิตามินดี3 ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ส่วนวิตามิน เคก็จะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กมีบทบาทสำคัญโดยช่วยให้แคลเซียมเข้าไปสะสมในกระดูกมากขึ้น และยังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแข็งตัวของเลือด ผลิตภัณฑ์ ไบโอ-แคลเซียม+ดี3+เค อยู่ในรูปแบบเม็ด ที่สามารถเคี้ยวได้

แคลเซียมคืออะไร?

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญและมีปริมาณมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ หน้าที่สำคัญที่สุดของแคลเซียมคือ เป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกและฟัน เนื้อเยื่อกระดูกเป็นแหล่งเก็บแคลเซียมสำหรับร่างกาย เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีระดับแคลเซียมน้อยเกินไป ร่ายกายจะตอบสนองโดยการสลายเอาแคลเซียมจากเนื้อเยื่อกระดูกออกมาใช้

อัตราส่วนของแคลเซียมในร่างกาย (เฉพาะส่วนที่ไม่ได้ดูดซึมไปเข้ากระดูกและฟัน) ที่มีหน้าที่สนับสนุนการทำงานในส่วนอื่นๆของร่างกาย ตัวอย่างบทบาทของแคลเซียมในร่างกายมีส่วนช่วยดังนี้คือ:

  • ช่วยให้การทำงานของกล้ามเนื้อเป็นไปตามปกติ
  • ทำให้การหลั่งสารสื่อประสาทเป็นไปตามปกติ
  • ควบคุมกระบวนการแข็งตัวของเลือดให้เป็นปกติ
  • ช่วยให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานเป็นปกติ
  • ช่วยให้ระบบเอนไซม์ย่อยอาหารเป็นปกติ


แคลเซียม และกระดูก

กระดูกประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่มีชีวิตที่มีการสร้างทดแทนอย่างต่อเนื่อง เซลล์สร้างกระดูก เรียกว่า osteoblasts และเซลล์สลายกระดูก เรียกว่า osteoclasts ซึ่งเซลล์ทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการสร้างและสลายกระดูกอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื้อเยื่อกระดูกยังทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมของแคลเซียมของร่างกาย การที่ร่างกายเราสามารถที่จะดูดซึมแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอสู่กระดูกจึงมีความสำคัญมาก หากร่างกายได้รับแคลเซียมน้อยเกินไป เซลล์osteoclasts จะถูกกระตุ้นให้ทำหน้าที่ย่อยสลายเยื่อกระดูกเพื่อดึงแคลเซียมออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การได้รับแคลเซียม วิตามินดีและวิตามินเคให้เพียงพอในช่วงที่กระดูกกำลังพัฒนาจึงมีความสำคัญ

เด็กในวัยกำลังเจริญเติบโต จะมีการเพิ่มมวลกระดูกของร่างกายโดยเป็นผลจากภาวะตามธรรมชาติที่ เซลล์สร้างกระดูก(osteoblasts) มีการทำงานมากกว่าเซลล์สลายกระดูก (osteoclasts) จากเมื่อแรกเกิด จนถึงจุดเจริญสูงสุดของมวลกระดูก ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณอายุ 30ปี เสมือนธนาคารเก็บแคลเซียมให้ร่างกาย หลังจากนั้น กระบวนการสลายกระดูกก็จะมีเพิ่มมากชึ้น มวลกระดูก จะมีแนวโน้มลดลง(ประมาณ 0.6% ต่อปี) ถึงแม้จะมีการสลายกระดูกอย่างช้าๆ แต่ถ้าเราสะสมแคลเซียมในกระดูกให้ได้สูงสุด ก็จะได้ประโยชน์กว่าเมื่อเกิดการสลายกระดูกเพิ่มขึ้นตามวัย
นอกจากนี้ ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนจะได้รับผลกระทบจากการสูญเสียมวลกระดูกอันเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่มีผลทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกถึงปีละ 6เปอร์เซ็นต์จากการที่รังไข่ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้ ส่วนในเพศชายจะมีการสูญเสียมวลกระดูกครึ่งหนึ่งของเพศหญิง
การงดสูบบุหรี่ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูกได้
ดังแสดงในภาพประกอบต่อไปนี้ผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียมวลกระดูกมากกว่าผู้ชาย การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่รักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่จำเป็นที่ต้องลดความต้องการแคลเซียมลง

Graph showing that women from 30 years of age loses more calcium from the bones than men.

แหล่งแคลเซียมมีที่ใดบ้าง?

  • ผลิตภัณฑ์นม
  • เมล็ดธัญพืช
  • ถั่วอัลมอนด์
  • ผัก
  • ผลไม้

วิตามินดี คืออะไร?

วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ แต่รูปแบบ D2 และ D3 เป็นรูปแบบที่สำคัญที่สุด และวิตามินD3 เป็นแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายที่สุด วิตามินD3 เป็นโปรวิตามิน เนื่องจากผิวหนังคนเรา สามารถสังเคราะห์วิตามิน D3 ขึ้นมาได้เมื่อสัมผัสกับแสงแดดที่เพียงพอ นอกจากนี้ วิตามินดี เป็นสารจำเป็นสำหรับร่างกายในกระบวนการเมตะบอไลซ์แคลเซียม เพื่อการใช้ในการทำงานของกระดูก และกล้ามเนื้อ


หน้าที่ของวิตามินดี:

วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน

  • มีบทบาทในกระบวนการแบ่งเซลล์ และการเปลี่ยนแปลงแบบจำเพาะของเซลล์
  • ช่วยให้การทำงานของระบบกระดูก ฟันและกล้ามเนื้อเป็นปกติ
  • ช่วยในการดูดซึมและการนำแคลเซียมและฟอสฟอรัสไปใช้
  • ช่วยปรับระดับแคลเซียมในเลือดให้เป็นปกติ
  • ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างปกติ


เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์เริ่มได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับวิตามินดีในร่างกาย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพต่างแนะนำ ให้มีการเสริมวิตามินดีในกลุ่มเด็ก, ผู้หญิงตั้งครรภ์, เด็กและผู้ใหญ่ที่มีผิวคล้ำดำ, หญิงที่คลุมหน้าหรือคลุมผ้าทั้งตัว และผู้ที่ไม่ค่อยได้สัมผัสแสงแดด นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานดูแลคนชรา หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีควรได้รับวิตามินดีเสริม เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุนด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าทั้งแคลเซียม และวิตามินดี ต่างก็จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกในเด็ก

วิตามินเค คืออะไร?

มีความสำคัญในการคงความปกติของเนื้อเยื่อกระดูก เพราะวิตามินเคช่วยสร้างมวลกระดูกให้ปกติโดยการส่งเสริมการสร้างโปรตีน ที่มีชื่อว่า ออสทีโอแคลซิน(osteocalcin)

วิตามินเค ตามธรรมชาติมีอยู่สองรูปแบบคือ: K1 หรือ ฟิลโลควิโนน (phylloquinone) และ K2 มีนา ควิโนน (menaquinone) และมีรูปแบบสังเคราะห์อีกหลายรูปแบบ ประเภทที่ละลายในน้ำได้ ที่เรียกว่า K3 มีนาไดโอน (menadione)แต่ไม่นำมาใช้ทำเป็นอาหารเสริม
แหล่งที่มาตามธรรมชาติของวิตามิน K1 คือผักสีเขียวเข้ม วิตามิน K2 เป็นผลิตผลที่ได้จากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ยังสามารถเปลี่ยนรูปวิตามินจาก K1 ไปเป็นรูปต่างๆของวิตามินK2 แต่ในเด็กทารกยังไม่สามารถสังเคราะห์วิตามิน Kได้เอง โดยปกติแล้วเราจะได้ รับวิตามินทั้ง K1 และ  K2ในปริมาณที่เท่าๆกัน.

วิตามินเค กับ ยา
สำหรับผู้ที่กำลังรับประทานยาที่ทำให้เลือดเจือจางเพื่อลดความหนืดของเลือด ควรตระหนักเสมอว่า การรับประทานวิตามินเคในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอาจจะไปลดประสิทธิภาพของยาได้ อย่างไรก็ตามปริมาณวิตามินเคที่มีลดประสิทธิผลของยาได้นั้น ต้องใช้ปริมาณที่สูงกว่าปริมาณวิตามินที่มีอยู่ในเม็ดผลิตภัณฑ์  ไบโอ-แคลเซียม+ดี3+เค  ถึง 70-285 เท่า

Pycnogenol คือ สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติBio-Pycnogenol ผลิตจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส (Pinus pinaster) ที่จะช่วยเสริมสุขภาพให้คุณด้วยสารไบโอฟลาโวนอยด์

วิตามินK คืออะไร?

วิตามินเค (Vitamin K)

วิตามินเคจัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินชนิดที่ละลายในไขมันเช่นเดียวกับวิตามิน A, D และ E วิตามินK เป็นวิตามินที่ละลายในไขมันซึ่งมีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้วิตามินKยังมีบทบาทสำคัญในการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อกระดูกให้เป็นปกติเนื่องจากวิตามินเคช่วยสนับสนุนการผลิตโปรตีนที่เรียกว่า osteocalcin

ไฟเบอร์ธรรมชาติดีสำหรับระบบย่อยอาหารของคุณBio-Fiber ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เส้นใยอาหารเข้มข้น ทำจาก ต้นบีท (sugar beets) และเปลือกผลเลม่อน (Lemon peel) ช่วยทดแทนมื้ออาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ

วิตามินอีจากธรรมชาติ ขนาดสูง คุณภาพมาตรฐานยาBio-E-Vitamin ประกอบด้วยวิตามินอี (d-alfa) ที่ละลายได้ในไขมัน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลัง

สินค้าที่ได้รับความนิยม

Bio C Vitamin ของฟาร์มานอร์ด วิตามินซีคุณภาพระดับพรีเมี่ย Bio-C-Vitamin วิตามินซี ช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ระบบประสาท และช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน