มีงานวิจัยใหม่ พบว่า สารอาหารสำคัญมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

การศึกษาฉบับใหม่พบความสัมพันธ์ของระดับสารอาหารที่สำคัญหลายอย่างในเลือดกับประสิทธิภาพการทำงานของสมองจากการทดสอบทางด้านความรู้คิดในผู้สูงอายุ

การศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร NeuroImage เพื่อศึกษาสารอาหารสำคัญ 32 ชนิด ซึ่งจากผลการศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่ดีขึ้นในผู้สูงอายุ โดยทำการศึกษาในผู้สูงอายุสุขภาพดีจำนวน 116 คน

จากผลการวิเคราะห์ได้พบความเชื่อมโยงของสารอาหารจำนวนหนึ่งในเลือดที่มีผลทำให้สุขภาพและการทำงานของสมองทางด้านความรู้คิดดีขึ้น ซึ่งกลุ่มของสารอาหารดังกล่าวคือ กรดไขมันโอเมก้า 3, กรดไขมันโอเมก้า 6, อัลฟาและเบต้าแคโรทีน วิตามิน บี และ วิตามินดี

นักวิจัยได้ใช้วิธีการที่แม่นยำที่สุดในการทดสอบเกี่ยวกับสารอาหารที่รับประทานเข้าไปที่จะมีผลต่อสุขภาพของสมองรวมถึงมีการใช้การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กเพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของสมองทางโครงข่ายต่างๆในสมอง

นอกจากนี้อาสาสมัครผู้เข้าร่วมการศึกษายังได้ทำแบบทดสอบทางด้านความรู้คิดหลายอย่าง จากผลการวิเคราะห์ยังพบความสัมพันธ์ระหว่างระดับของสารอาหารต่าง ๆ ที่สูงขึ้นกับการเพิ่มประสิทธิผลจากการทำแบบทดสอบความรู้คิดแบบเจาะจง สารอาหารต่างๆเหล่านี้ดูเหมือนจะทำงานร่วมกันและส่งเสริมกันประกอบไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6, แคโรทีนอยด์, ไลโคปีน, ไรโบฟลาวิน, โฟเลต,
วิตามินบี 12 และวิตามินดี

และจากผลการวิเคราะห์ยังแสดงให้เห็นว่า โอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และแคโรทีนนั้นสัมพันธ์กับประสิทธิภาพของโครงข่ายสมองที่ทำงานได้ดีขึ้น และยังชี้ให้เห็นว่าอาหารและโภชนาการนั้นเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพของโครงข่ายในสมองและประสิทธิภาพทางด้านความรู้คิด

เพื่อทดสอบถึงผลที่คงที่ของรูปแบบของสารอาหาร เมื่อเวลาผ่านไปนักวิจัยได้เชิญผู้เข้าร่วม 40 คนกลับมาเพื่อทำการวิเคราะห์ครั้งที่สองประมาณสองปีหลังจากการทดสอบครั้งแรก ก็ยังคงให้ผลเช่นเดียวกัน Christopher Zwilling หัวหน้าคณะผู้ทำการวิจัย กล่าวว่า “ เนื่องจากเรากำลังศึกษาว่ากลุ่มของสารอาหารทำงานร่วมกันอย่างไร ทำให้เราได้ภาพรวมที่แม่นยำยิ่งขึ้นว่าร่างกายใช้สารอาหารเหล่านี้อย่างไรและส่งผลอย่างไรต่อสมองและภาวะความรู้คิด”

ดูการศึกษาเต็มรูปแบบที่นี่:

 

น้ำมันปลาจาก ฟาร์มา นอร์ด

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาเข้มข้นที่ประกอบไปด้วยกรดไขมันอิสระ ที่ให้ค่าปริมาณสัดส่วนของสารที่ถูกดูดซึม (Bioavailability) สูง อีกทั้งประกอบไปด้วย EPA และ DHA พร้อมด้วย กรดโฟลิก และ วิตามินบี12

  • มีปริมาณกรดไขมันอิสระที่ถูกดูดซึมได้ดีกว่าถึง 50%
  • มีความเข้มข้นสูง (มีโอเมก้า3 สูงถึง 65%), เป็นน้ำมันปลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย
  • ประกอบไปด้วยวิตามินบี 12 และ กรดโฟลิค ที่ช่วยในกระบวนการเผาผลาญโฮโมซีสเตอีน (homocysteine metabolism) อันเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจ
  • เป็นน้ำมันปลาบริสุทธิ์ ที่มีค่ามลพิษปนเปื้อนน้อยกว่าเกณฑ์กำหนดขั้นต่ำมาก
  • รูปแบบแคปซูลเจลาตินชนิดนิ่มช่วยให้กลืนง่าย
  • ผลิตภายใต้มาตรฐานควบคุมการผลิตยาประเทศเดนมาร์ก
  • ได้รับการบันทึกและทดสอบตามหลักวิทยาศาสตร์